กวี ตันจรารักษ์ มีชื่อเล่นว่า บีม เป็นนักร้องและนักแสดงชาวไทย อดีตสมาชิกนักร้องกลุ่มวงดีทูบี ปัจจุบัน เป็นศิลปินอิสระ
"กวี ตันจรารักษ์" หรือ "บีม" เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2523 เดิมชื่อว่า "ระวี" มีความหมายว่า ยามบ่าย ตามเวลาเกิด ก่อนที่จะเปลี่ยนเมื่อเข้าศึกษาในระดับมัธยมศึกษา เป็นบุตรของนายวีระศักดิ์และนางเกตน์นิภา ตันจรารักษ์ มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน (ชาย 3 คน และหญิง 1 คน) โดยบีมเป็นคนโต น้องสาวของบีม คือ บัว สโรชา ตันจรารักษ์ เป็นนักร้องและนักแสดงเหมือนพี่ชาย
ในวันเกิดปีที่ 35 บีมได้ขอแฟนสาว ออย อฏิพรณ์ จิตต์ธรรมวงศ์ แต่งงาน ซึ่งงานมงคงสมรสของทั้งคู่มีขึ้นในวันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559 หลังทั้งคู่ คบหาดูใจกันมาทั้งหมด 13 ปี
หลังจากถูกชักชวนเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย บีมเริ่มเข้าสู่วงการจากงานถ่ายแบบและโฆษณาขณะเรียนอยู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 ก่อนจะเซ็นต์สัญญากับอาร์เอส โปรโมชั่น มีผลงานการแสดงมิวสิกวีดีโอเพลง "เธอรักฉันรู้" และภาพยนตร์ "๙ พระคุ้มครอง" และเปิดตัวในฐานะหนึ่งในสมาชิกวง "D2B (ดีทูบี)" ในปี พ.ศ. 2544 ร่วมกับ "อภิเชษฐ์ กิตติกรเจริญ" หรือ "บิ๊ก" และ "วรเวช ดานุวงศ์" หรือ "แดน" ในอัลบั้มชื่อ "D2B" เช่นเดียวกับชื่อวง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากและรวดเร็ว โดยดีทูบีได้รับรางวัลสูงสุดคือ รางวัลศิลปินกลุ่มยอดนิยม จาก "MTV Asia Award 2003" ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ จากชื่อเสียงและความสำเร็จเหล่านี้ ทำให้สมาชิกวงดีทูบีทั้งสามคนต่างได้มีโอกาสทำงานบันเทิงด้านอื่นๆ ทั้งงานการแสดงละคร งานการแสดงภาพยนตร์ และงานโฆษณา ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงแทบทั้งสิ้น
กระทั่งวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 บิ๊กประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา บีมได้อุปสมบทที่วัดสุภัททะบรรพต (วัดมาบจันทร์) จังหวัดระยอง ในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2546 เพื่อทดแทนพระคุณบิดามารดาและอุทิศส่วนกุศลให้บิ๊ก ได้รับฉายาว่า "พระกวี อภิปุณโณ" แปลว่า ผู้เพียบพร้อมบริบูรณ์ ภายหลังลาสิกขา บีมและแดนได้ร่วมกันทำ "D2B Neverending Album Tribute to Big D2B" และแสดงคอนเสิร์ตที่มีชื่อเดียวกันนี้ เพื่อมอบรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลแก่บิ๊ก ก่อนที่บีมจะเดินทางไปประเทศออสเตรเลียเพื่อศึกษาทางด้านภาษาอังกฤษเป็นเวลา 6 เดือน
ในปี พ.ศ. 2548 แดนและบีมกลับมามีผลงานร่วมกันอีกครั้งในฐานะนักร้องดูโอ "Dan-Beam" ในอัลบั้ม "The Album" ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีเหมือนเดิม ในช่วงนี้ทั้งคู่ต่างมีผลงานด้านการแสดงมากมายและเป็นพิธีกรรายการท่องเที่ยว "Dan-Beam The Series" หลังมีผลงานเพลงร่วมกันทั้งหมด 4 อัลบั้ม โดยอัลบั้มพิเศษ "DB2B" เป็นอัลบั้มส่งท้ายเพื่อมอบรายได้ให้แก่ครอบครัวของบิ๊ก แดนและบีมก็ได้ประกาศแยกวงในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2550 อย่างไรก็ตาม บีมและแดนยังคงมีผลงานร่วมกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะผลงานในนามดีทูบี อาธิเช่น คอนเสิร์ต "คิดถึง D2B Live Concert 2014" และ "มหัศจรรย์ ... ความคิดถึง D2B Encore Concert 2015"
ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 บีมมีผลงานเพลงอัลบั้มเดี่ยว "Beam" และได้รับการแต่งตั้งเป็นทูตของ WWF เป็นคนแรกของประเทศไทยโดยได้รับการแต่งตั้งติดต่อกันเป็นเวลาถึง 3 ปี ระหว่างได้รับตำแหน่งนี้ บีมได้ร่วมกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากมาย เช่น Earth Hour เป็นต้น นอกจากนี้บีมยังได้รับเลือกจากสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติให้เป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลโล่ห์พระราชทาน TIECA Bright Idol 2009 จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี พ.ศ. 2552 อีกด้วย
หลังจากหมดสัญญากับอาร์เอส โปรโมชั่นในปี พ.ศ. 2553 บีมห่างหายไปจากวงการเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เพื่อดูแลกิจการบริษัทด้านธุรกิจนำเที่ยว Trip Buster ซึ่งบีมได้ก่อตั้งขึ้นก่อนหมดสัญญาไม่นาน โดยได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากการได้เดินทางไปยังต่างประเทศเพื่อทำรายการ Dan-Beam The Series และต่อมา บริษัทได้ปิดตัวลงจากปัญหาภายในบริษัท ปัจจุบัน บีมเป็นหุ้นส่วนค่ายมวย Legend Thai Boxing ร่วมกับ เป้ วงเคลิ้ม และเพื่อนนอกวงการ
บีมกลับมารับงานบันเทิงเต็มตัวอีกครั้งตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2554 ด้วยผลงานภาพยนตร์เรื่อง "ส.ค.ส. สวีทตี้" และซีรีส์ "บำบัดรักบำรุงสุข (Love Therapy)" ในฐานะศิลปินอิสระ ทำให้ปัจจุบัน บีมมีผลงานบันเทิงร่วมกับหลากหลายสังกัด
(อัลบั้ม D2B The Neverending Album Tribute To BIG D2B จัดทำขึ้นเพื่อมอบรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลแก่บิ๊ก และครั้งแรกที่แดนและบีมได้มีส่วนร่วมในการแต่งคำร้องและทำนอง โดยเพลง "นายเจ็บ ฉันเจ็บ" แต่งคำร้องและทำนองโดยแดน และเพลง "ฉันจะจับมือเธอเอาไว้" แต่งทำนองโดยแดนและคำร้องโดยบีม)
คอนเสิร์ตที่ได้เข้าร่วม ทั้งในฐานะศิลปินกลุ่มและเดี่ยว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 - ปัจจุบัน มีดังต่อไปนี้